แม้ว่ามะเร็งเต้านมจะเป็นโรคที่อันตราย และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับ 1 ของหญิงไทย แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยในปัจจุบัน โรคดังกล่าว สามารถรักษาให้หายขาดได้ หากผู้ป่วยได้รับการตรวจวินิจฉัย พบเซลล์มะเร็ง และเริ่มรับการรักษาอย่างทันท่วงที วันนี้ คลินิกเวชกรรมใกล้บ้านใกล้ใจ จะมาแบ่งปันข้อเท็จจริงต่าง ๆ เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม ตลอดจนวิธีการสังเกตร่างกายตนเอง เพื่อคัดกรองมะเร็งเต้านม และทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับมะเร็งเต้านม
มะเร็งเต้านม เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของหญิงไทย ซึ่งสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติในปี 2559 – 2561 พบว่า มีอัตราการเกิดโรคมะเร็งเต้านม อยู่ที่ 34.2 รายต่อประชากร 1 แสนคน หรือ 17,043 รายต่อปี และคาดว่าน่าจะมีจำนวนเพิ่มมากกว่า 22,000 ราย ในปีถัดไป
ดังนั้น มะเร็งเต้านมจึงเป็นโรคที่เราควรให้ความใส่ใจ เพื่อลดโอกาสที่จะเสียชีวิตจากมะเร็งชนิดนี้ มะเร็งเต้านมมักเกิดในเพศหญิงเป็นส่วนใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม ก็สามารถเกิดได้ในเพศชายเช่นกัน ทว่า มีโอกาสพบเพียงประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งเต้านม
- อายุที่เพิ่มมากขึ้น
- การมีประจำเดือนมาเร็วก่อนอายุ 12 ปี และประจำเดือนหมดช้ากว่าอายุ 55 ปี
- การไม่มีบุตรหรือมีบุตรคนแรกหลังอายุ 30 ปี
- ผู้ที่มีประวัติเป็นมะเร็งเต้านมมาก่อน หรือมีเนื้องอกในเต้านมบางชนิด
- ผู้ที่เคยได้รับการฉายแสง หรือรังสีรักษาที่หน้าอกก่อนอายุ 30 ปี
- ผู้ที่มีญาติสายตรงเป็นมะเร็งเต้านม หรือมะเร็งรังไข่
- ผู้ที่มีการกลายพันธุ์ของยีนบางชนิด เช่น BRCA1, BRCA2
ปัจจัยเสี่ยงที่กล่าวมาข้างต้น ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เราแก้ไขไม่ได้ แต่มีปัจจัยเสี่ยงบางอย่างที่เราสามารถแก้ไขและหลีกเลี่ยงได้ เพื่อลดโอกาสในการเป็นมะเร็งเต้านม ได้แก่:
- ออกกำลังกายเป็นประจำ
- ควบคุมน้ำหนักในอยู่ในเกณฑ์ปกติ
- หลีกเลี่ยงการใช้ฮอร์โมนโดยไม่จำเป็นติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ
- ลดการบริโภคแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่
ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยตัวเอง
อาการหรือสัญญาณเตือนของมะเร็งเต้านมที่ผู้หญิงทุกคนสามารถสังเกตได้ด้วยตนเอง ได้แก่:
- มีก้อนที่เต้านมหรือรักแร้
- รูปร่างของเต้านมเปลี่ยนแปลงไป เช่น มีรอยบุ๋ม ผิวหนังบวม แดงขึ้น
- หัวนมบุ๋มหรือถูกดึงรั้ง
- มีผื่นหรือแผลที่เต้านมและหัวนม
- มีน้ำหรือเลือดไหลออกจากหัวนม
หากพบอาการเหล่านี้ ควรมาพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม การสังเกตความผิดปกติของเต้านมด้วยตัวเอง ควรทำเป็นประจำทุกเดือน เดือนละครั้ง และยังสามารถมารับการตรวจเต้านมโดยบุคลากรทางการแพทย์ได้ปีละหนึ่งครั้ง
ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยแมมโมแกรม
มะเร็งเต้านม ยังมีการตรวจคัดกรองที่มีประสิทธิภาพและมีผลการศึกษาแล้วว่าสามารถลดอัตราการตายจากมะเร็งเต้านมได้จริงคือการตรวจคัดกรองด้วยแมมโมแกรม โดยแนะนำให้ทำในผู้หญิงที่อายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งการตรวจคัดกรองด้วยแมมโมแกรมนี้ ทำให้สามารถตรวจพบมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้นที่ยังไม่แสดงอาการได้ ทำให้การรักษาได้ผลดีผู้ป่วย อาจจะไม่ต้องสูญเสียเต้านม และมีผลข้างเคียงจากการรักษาน้อย
โรคมะเร็งเต้านมในปัจจุบัน ตรวจพบเร็ว รักษาหายขาดได้
การรักษามะเร็งเต้านมในปัจจุบัน ประกอบด้วยการรักษาหลายอย่าง ทั้งการผ่าตัด การให้ยา และการฉายแสงหรือรังสีรักษา ซึ่งทีมแพทย์ที่ทำการรักษา ทั้งแพทย์ผ่าตัดหรือศัลยแพทย์ อายุรแพทย์ มะเร็งวิทยา และแพทย์รังสีรักษา จะพิจารณาเลือกวิธีและขั้นตอนในการรักษาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายมากที่สุด โดยพิจารณาจากปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เช่น ชนิด ระยะของมะเร็ง และสุขภาพโดยรวมของตัวผู้ป่วย
- การผ่าตัด: การผ่าตัดรักษามะเร็งเต้านมทุกวันนี้ ผู้ป่วยมีทางเลือกในการเก็บรักษาเต้านมไว้ได้ โดยไม่ต้องตัดเต้านมทิ้งทั้งหมดอย่างในอดีต หรือมีทางเลือกในการเสริมสร้างเต้านมใหม่ขึ้นมาได้ ด้วยถุงเต้านมเทียม หรือการใช้เนื้อเยื่อตนเองมาเสริมสร้างเป็นเต้านมใหม่ ทดแทนเต้านมที่ถูกตัดทิ้ง ทั้งยังมีการนำเทคนิคการศัลยกรรมตกแต่งมาใช้ เพื่อให้ผลลัพธ์ในการผ่าตัดมะเร็งเต้านมดีขึ้น อันจะเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจ และคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ให้ใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติ
- การให้ยา: การรักษาด้วยยา ก็มีทั้งการให้ยาต้านฮอร์โมน ยาเคมีบำบัด ยารักษาแบบมุ่งเป้า ซึ่งจะพิจารณาเลือกให้เหมาะแก่ผู้ป่วยแต่ละราย ทุกวันนี้ ยังมีการพัฒนายาใหม่ ๆ มาเรื่อย ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมทุกชนิด และทุกระยะของโรค ยาใหม่ ๆ ที่กำลังพัฒนาเพื่อนำมาใช้ในการรักษามะเร็ง เช่น ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) ที่จะออกฤทธิ์กระตุ้นภูมิต้านทานของร่างกายเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง นอกจากการพัฒนาของยาแล้ว การตรวจชนิดของเซลล์มะเร็งก็มีการพัฒนา ทำให้มีความละเอียดและแม่นยำมากขึ้น แพทย์จะสามารถเลือกชนิดของยาให้เหมาะสมกับชนิดของเซลล์มะเร็งให้มากที่สุด
- การฉายแสง: สำหรับการฉายแสงรักษามะเร็งเต้านม ซึ่งถูกนำมาใช้ในการรักษาทั้งมะเร็งระยะเริ่มต้น และระยะลุกลาม ก็มีเครื่องฉายแสงที่ให้ความแม่นยำที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ฉายแสงได้ตรงจุด ลดผลแทรกซ้อนต่ออวัยวะข้างเคียง เช่น ปอด หัวใจ และยังมีเครื่องฉายแสงในห้องผ่าตัด ทำให้ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดสงวนเต้านม ซึ่งปกติต้องมาฉายแสงหลังผ่าตัดหลายครั้ง เหลือการฉายแสงเพียงครั้งเดียวพร้อมกับการผ่าตัดเต้านม ทั้งยังฉายได้แม่นยำ ตรงจุด ไม่โดนอวัยวะอื่น ๆ อีกด้วย
อ้างอิง: กระทรวงสาธารณสุข (ข้อมูล ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2565)