เฝ้าระวัง โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ระบาดในประเทศไทย หลังเทศกาลสงกรานต์

โควิด-19 สายพันธุ์ XBB.1.16 หรือ “อาร์คตูรุส” มีศักยภาพจะแพร่ระบาดไปทั่วโลกในอนาคตอันใกล้ ขณะที่ ไทยพบผู้ป่วยสายพันธุ์นี้แล้ว 27 ราย มีการพบการกลายพันธุ์ย่อย ๆ ของโควิด-19 สายพันธุ์นี้ และผู้เชี่ยวชาญในไทย คาด สายพันธุ์ XBB.1.16 จะกลายเป็นสายพันธุ์หลักในไทย เช่นเดียวกับทั่วโลก ในอีกไม่นานนี้

สถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน

กรมควบคุมโรคเผยตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ช่วงสงกรานต์ พบว่า มีผู้ป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 435 ราย เฉลี่ยวันละ 62 ราย ถือว่ามีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 2.5 เท่าจากสัปดาห์ก่อนหน้า นอกจากนี้ ยังมีรายงานผู้ป่วยปอดอักเสบ 30 ราย และผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 19 ราย เพิ่มขึ้น 58% และ 36% ตามลำดับ เปรียบเทียบกับสัปดาห์ก่อน โดยสัปดาห์ล่าสุด มีรายงานผู้เสียชีวิต 2 ราย และล้วนเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้วนานเกินกว่า 3 เดือน จึงเรียกร้องให้กลุ่มเสี่ยงเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง

โควิด-19 สายพันธุ์ อาร์คตูรุส

นอกเหนือจากความวิตกถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่คาดพุ่งสูงขึ้นช่วงสงกรานต์ สังคมไทยยังกำลังวิตกถึงการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ XBB.1.16 หรือ “อาร์คตูรุส” ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่อยู่ในการสังเกตการณ์ขององค์การอนามัยโลก ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. 66 หลังพบว่ามีผู้ป่วยในไทยแล้ว 27 ราย และเสียชีวิต 1 ราย จากข้อมูลจนถึงวันที่ 17 เม.ย. 66 เยื่อบุตาอักเสบ หรืออาการตาแดง เป็นอาการสำคัญของ XBB.1.16 ที่ประเทศอินเดียรายงานว่ามี “เยื่อบุตาอักเสบ” ยังไม่มีรายงานในผู้ป่วยที่พบในไทย

“ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าโควิด-19 XBB.1.16 จะมีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์อื่น ส่วนการกลายพันธุ์ ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ทางกรมควบคุมโรคก็ติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง จึงขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก และขอให้มารับวัคซีนโควิด-19 ถ้าหากฉีดเข็มสุดท้ายนานเกิน 4 เดือน”

ประเทศไทยรับมือกับโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่อย่างไร ?

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลว่า การระบาดรอบใหม่เพิ่งเริ่มต้น และสิ่งที่ควรรู้ในระลอกนี้มีการแบ่งออกเป็น 9 ข้อหลักด้วยกัน สรุปได้ดังนี้:

  • การระบาดเพิ่งเริ่มต้นและจะเริ่มสูงขึ้นตั้งแต่กลางเดือน พ.ค. ไปถึงจุดสูงสุดเดือน มิ.ย. และจะไปลดลงในเดือน ก.ย. ตามฤดูกาลของโรคทางเดินหายใจ
  • กลางเดือน พ.ค. เป็นฤดูฝน นักเรียนเปิดเทอม และติดโควิด-19 เมื่อปีที่แล้ว ปีนี้มีโอกาสเป็นได้อีก
  • สายพันธุ์ของไวรัสมีการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ ม.ค. เป็นต้นมาสายพันธุ์จะเป็น โอมิครอน BA.2.75 และเปลี่ยนมาเป็น XBB.1.5 ในเดือน มี.ค. และกำลังจะเปลี่ยนเป็น XBB.1.16 หลังจากนี้อีกไม่นาน อย่างไรก็ตามก็ยังอยู่ในตระกูล XBB
  • สายพันธุ์ BA.2.75 ระบาดในอเมริกาเมื่อปีที่แล้ว ประเทศไทยตามหลังอเมริกา ในอเมริกาจากสายพันธุ์ BA.2.75 เปลี่ยนเป็น BQ.1.1 แล้วจึงมาเป็น XBB.1.5 แล้วเดือนที่ผ่านมา มีสายพันธุ์ใหม่ที่มีการกลายพันธุ์เพิ่มขึ้นอีก 1 ตำแหน่งในหนามแหลมเกิดขึ้นที่อินเดีย คือสายพันธุ์ XBB เช่นเดียวกันเรียกว่า XBB.1.16 แพร่กระจายได้เร็วกว่า XBB.1.5 ประมาณ 1.2 เท่า และระบาดอย่างรวดเร็วมากกว่า 20 ประเทศแล้ว ประเทศไทยก็คงหนีไม่พ้น
  • ความรุนแรงของโรคสายพันธุ์ XBB.1 .16 จากอินเดียไม่ได้รุนแรงไปกว่าสายพันธุ์เดิม แต่แพร่ระบาดง่าย เมื่อมีผู้ป่วยจำนวนมากก็ต้องพบผู้ป่วยอาการมากเป็นอัตราส่วนปกติ มีอาการบางอย่างแตกต่างไปบ้าง เช่น ตาแดงในเด็ก
  • การดูแลรักษา ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จะเฝ้าระวังอันตรายในกลุ่มเสี่ยง 608 และเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 2 ปี
  • สายพันธุ์ XBB ทุกตัว หลบหลีกภูมิต้านทานเดิมได้ดี จึงเป็นแล้วเป็นอีกได้ ภูมิที่เกิดจากวัคซีนที่ใช้ในการลดความรุนแรงของโรค ใช้เพิ่มขึ้น ภูมิต้านทานชนิดสำเร็จรูป LAAB จะไม่ได้ผลในกลุ่มสายพันธุ์ XBB
  • วัคซีนทุกตัวไม่แตกต่างกัน
  • มาตรการในการป้องกันที่สำคัญก็คงเหมือนเดิม สิ่งที่จะต้องเน้นคือ สถานที่มีบุคคลอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก เรือนจำ ในโรงเรียน ดูแลเรื่องความสะอาด สุขอนามัย ล้างมือเป็นนิจ นักเรียนที่ป่วยไม่ควรไปโรงเรียน ผู้ป่วยทุกคนควรจะต้องใส่หน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด และมีระเบียบวินัย

กดแชร์บทความ

ดูบทความอื่นๆ