ไม่เค็ม ไม่ได้แปลว่าไม่มีโซเดียม ! กรมอนามัย แนะ 5 อาหารซ่อนโซเดียม เน้นย้ำ กินเกลือไม่เกิน 1 ช้อนชาต่อวัน

ปัจจุบัน คนไทยมีแนวโน้มบริโภคโซเดียมในชีวิตประจำวันมากขึ้น สืบเนื่องมาจากความชอบกินอาหารรสเค็ม หรือจากความไม่รู้ส่วนประกอบของปริมาณโซเดียมในอาหาร ซึ่งการกินอาหารที่มีปริมาณโซเดียมสูงต่อเนื่องเป็นเวลานาน เป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่าง ๆ มากมาย

กินอาหารที่มีโซเดียมสูงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร ?

องค์การอนามัยโลก ได้กำหนดมาตรฐานไว้ว่า เราควรบริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม/วัน หรือเทียบเท่า เกลือ 1 ช้อนชา หรือ 5 กรัม และเมื่อเฉลี่ยแล้ว ไม่ควรได้รับโซเดียมเกิน 600 มิลลิกรัมต่อมื้ออาหาร หากกินอาหารที่มีปริมาณโซเดียมสูงกว่าที่ควร อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะนำไปสู่การเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคไตเรื้อรัง

ปรับพฤติกรรมการบริโภค เพื่อลดความเสี่ยงโรคร้าย

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคถือเป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด และควรปลูกฝังตั้งแต่วัยเด็ก เน้นการกินอาหารรสธรรมชาติ เพื่อไม่ให้ติดรสเค็ม เพราะหากติดเป็นนิสัยมาจนโต ทำให้แก้ไขยาก อาจส่งผลต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเราควรเลี่ยงอาหารรสเค็ม และอาหารชนิดอื่น ๆ ที่อาจไม่มีรสเค็ม แต่เต็มไปด้วยโซเดียม

5 ประเภทอาหาร ที่มีปริมาณโซเดียมแฝงอยู่

  • เครื่องปรุงรสทั้งที่มีรสเค็มและไม่มีรสเค็ม: น้ำปลา ซีอิ๊วขาว กะปิ ซอสหอยนางรม น้ำปลาร้า ซุปก้อน ผงชูรส เครื่องปรุงรส เป็นต้น
  • อาหารแปรรูป: ทั้งอาหารสำเร็จรูป อาหารกึ่งสำเร็จรูป อาหารกระป๋องทุกชนิด อาหารหมักดอง อาหารเค็ม ขนมกรุบกรอบ
  • ขนมที่มีการเติมผงฟู: เค้ก คุกกี้ แพนเค้ก ขนมปัง แป้งสำเร็จรูป เป็นต้น
  • เครื่องดื่มเกลือแร่และน้ำผลไม้: มักมีการเติมสารประกอบของโซเดียมลงไปด้วย สำหรับนักกีฬาหรือผู้ที่สูญเสียเหงื่อมาก ส่วนน้ำผลไม้บรรจุกล่อง ขวด หรือกระป๋อง ก็มักจะมีการเติมเกลือปรุงรสชาติ และโซเดียมแฝง จากวัตถุเจือปนอาหาร โดยเฉพาะสารกันบูด
  • อาหารธรรมชาติทุกชนิด: เนื้อสัตว์ นม ไข่ จะมีปริมาณโซเดียมสูงกว่าผักผลไม้ ธัญพืช และถั่วเมล็ดแห้ง ที่ยังไม่แปรรูป

อ่านฉลากโภชนาการ ควบคุมปริมาณการบริโภคโซเดียม

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจุบัน เรานิยมบริโภคอาหารหรือขนมจากร้านสะดวกซื้อจนเคยชิน สิ่งที่ควรทำนอกเหนือจากการเลี่ยงอาหารรสเค็ม หรือการเลี่ยงอาหาร 5 กลุ่มที่กล่าวมาข้างต้น เราควรอ่านฉลากโภชนาการ และสังเกตปริมาณโซเดียม รวมถึงโซเดียมแฝงที่ปรากฎบนภาชนะบรรจุผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนซื้อทุกครั้ง เพื่อเป็นการควบคุมปริมาณโซเดียม และดูแลสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย

อ้างอิง: กรมอนามัย

อ่านเพิ่มเติม:

กดแชร์บทความ

ดูบทความอื่นๆ