แน่นอนว่า หลายคนต้องเคยได้ยินประโยคที่ว่า “ทำงานหน้าคอมนาน ๆ แบบนี้ เดี๋ยวก็เป็นออฟฟิศซินโดรมหรอก” ซึ่งแม้ว่าชื่อโรคนี้อาจจะฟังดูหุ้นหูเสียเหลือเกิน ทว่า หลายคนอาจยังคงไม่แน่ใจว่า โรคออฟฟิศซินโดรมที่เขาพูดถึงนั้น แท้จริงแล้วคืออะไรกันแน่ เพื่อไขปัญหาคาใจดังกล่าว ทางคลินิกเวชกรรมใกล้บ้านใกล้ใจ ขออาสามาแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับโรคนี้ ว่ามันเกิดจากอะไร มีอาการอย่างไร และเราจะสามารถรับมือกับมันได้อย่างไร
ออฟฟิศซินโดรมมีสาเหตุมาจากอะไร?
ออฟฟิศซินโดรม เป็นชื่ออาการโดยรวมที่มักเกิดขึ้นกับพนักงานออฟฟิศที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ และไม่ได้ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย โดยอาการอาจแตกต่างกันไปตามบุคคล อย่างเช่น อาการปวดชนิดต่าง ๆ ทั้งจากกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด การอักเสบของเนื้อเยื่อและเอ็น จากปลายประสาทถูกกดทับ หรืออาการอื่น ๆ ที่เกิดจากการทำงาน โดยอาการดังกล่าวอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น:
- ท่านั่งทำงาน เช่น การวางศอก หรือการวางมือบนโต๊ะทำงานที่ไม่ถูกต้อง
- การบาดเจ็บจากอาการเดิมซ้ำ ๆ เช่นการคลิกเมาส์ทั้งวัน อาจก่อให้เกิดการอักเสบที่เอ็นข้อมือ
- สภาพแวดล้อมในห้องไม่เหมาะสม เช่น ลักษณะโต๊ะทำงานที่ไม่เหมาะสม หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ตั้งไม่ตรงกับระดับสายตา หรือแสงสว่างภายในห้องไม่เพียงพอ
ออฟฟิศซินโดรมมีอาการอย่างไร?
เนื่องด้วยการที่ออฟฟิศซินโดรมเป็น “อาการโดยทั่วไป” ที่พนักงานออฟฟิศมักเผชิญ แม้ว่าอาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อและข้อต่อต่าง ๆ อาจจะเป็นปัญหาใหญ่ แต่ในบางครั้ง ก็อาจมีความผิดปกติทางร่างกายอื่น ๆ ที่เกิดจากการทำงานเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยอาการที่อาจพบได้ จึงมีค่อนข้างหลากหลาย ตัวอย่างเช่น:
- กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อ บริเวณคอ บ่า สะบัก โดยอาการปวดอาจมาพร้อมกับอาการของระบบประสาทอัติโนมัติร่วมด้วย เช่น เหงื่อออก วูบ หูอื้อ ตาพล่า เป็นต้น
- การอักเสบของเอ็นบริเวณส่วนต่าง ๆ เช่น ข้อมือ หรือนิ้วมือ เช่น อาการนิ้วล็อค
- การกดทับของปลายประสาท เช่นพังผืดทับเส้นประสาทข้อมือ หรือข้อศอก โดยภาวะอาการนี้อาจมีผลให้เกิดอาการชา หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
ป้องกันและรักษาอาการกลุ่มออฟฟิศซินโดรมได้อย่างไร?
ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดออฟฟิศซินโดรม มักมาจากการนั่งทำงานติดต่อกันเป็นเวลานานโดยไม่มีการยืดเส้นยืดสายหรือขยับเปลี่ยนท่า ดังนั้นวิธีการป้องกันหรือรักษาอาการกลุ่มออฟฟิศซินโดรมที่ง่ายที่สุด สามารถทำได้โดยการปรับพฤติกรรมการนั่งทำงานหรือปัจจัยภายนอกอื่น ๆ อันได้แก่:
- ปรับท่านั่งทำงานให้เหมาะสม เช่น วางข้อมือให้ตรง นั่งหลังตรงชิดพนักเก้าอี้
- ปรับสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสม เช่น ปรับความสูงของโต๊ะและเก้าอี้ให้เหมาะสมกัน และปรับหน้าจอให้อยู่ในระดับสายตา
- ปรับการใช้งานกล้ามเนื้อให้เหมาะสม เช่น ขยับเปลี่ยนท่านั่งทุก 20 นาที พักสายตาจากหน้าจอทุก 30 นาที และลุกยืดกล้ามเนื้อทุก 1 ชั่วโมง
- ออกกำลังกายด้วยท่าที่เหมาะสมกับอาการ เช่น เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยการออกกำลังกาย หรือเพิ่มความยืดหยุ่นให้ร่างกายโดยการยืดกล้ามเนื้อ
ใช่หรือไม่? Checklist ประเมินโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นออฟฟิศซินโดรม
- นั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน
- รู้สึกปวดเมื่อยบริเวณต้นคอ ไหล่ หลัง เอว อยู่เสมอ ระหว่างทำงาน
- รู้สึกปวดเมื่อยจนบางครั้งต้องกินยาแก้ปวด หรือไปนวดเพื่อให้หายปวด
- รู้สึกตาพร่ามัว อ่านหน้าจอไม่ชัดระหว่างการทำงานเป็นบางครั้ง
จากแบบประเมินความเสี่ยงเบื้องต้นนี้ หากคำตอบโดยส่วนใหญ่ของคุณคือ “ใช่” นั่นหมายความว่าคุณมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นออฟฟิศซินโดรม
แม้ว่าออฟฟิศซินโดรมจะไม่ใช่อาการเจ็บป่วยที่รุนแรง แต่หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องอาจส่งผลให้เกิดอาการปวดเรื้อรัง ซึ่งอาจกระทบต่อประสิทธิภาพและความสุขในการทำงานได้ ดังนั้นหากปรับพฤติกรรมแล้วอาการทั่วไปไม่ดีขึ้น ควรรีบเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาและวิธีการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม